รากเหง้า...พวกเราสาธารณสุขระโนด
ในระหว่าง พ.ศ.2477-2498 (จากการเล่าของนายสนั่น หิรัญวรชาติ*) บอกว่า ระโนดมีสถานพยาบาลอยู่แล้ว ชื่อว่า”สุขศาลาอำเภอระโนด” มีลักษณะเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว โดยประชาชนชาวระโนดช่วยกันหาเงินสร้างขึ้น ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของที่ว่าการอำเภอระโนด(ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของเทศบาลตำบลระโนด) คือสถานที่อันเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขเดี๋ยวนี้ ที่สุขศาลามีผู้ช่วยแพทย์อยู่ประจำติดต่อกันมา งานส่วนใหญ่เป็นงานป้องกันโรคภัยไข้เจ็บในฐานะที่เป็นหน่วยงานของกรมอนามัย และการรักษาพยาบาลเบื้องต้นในโรคที่ไม่ร้ายแรง ถ้าเกินขีดความสามารถของผู้ช่วยแพทย์ที่ระโนด คนป่วยจะได้รับคำแนะนำให้ไปรักษาตัวโรงพยาบาลกลางจังหวัดพัทลุง ซึ่งถ้าไปโดยเรือยนต์เร็ว ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนเรือยนต์ธรรมดาก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง เมื่อเรือยนต์แล่นมาถึงบ้านลำปำก็ต้องถ่ายคนป่วยขึ้นเรือยนต์ไปอีกทีหนึ่ง ส่วนคนที่ไม่มีญาติพี่น้องทางพัทลุง ก็ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลา(ในอดีตตั้งอยู่ที่ตรงข้ามป่าไม้จังหวัดสงขลา ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลสงขลาเขตเทศบาลนครสงขลา) สมัยนั้นยังไม่มีถนนรถยนต์ไปสงขลา จึงต้องนำคนป่วยไปทางเรือยนต์ด่วนในเวลากลางคืน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง คนที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรือได้รับบาดเจ็บมีอาการหนัก มักจะเสียชีวิตลงกลางทางเสมอ จนมีคนในกลางจังหวัดล้อเลียนกันว่า “คนระโนดหนามแทงก็ตาย” เป็นบาดทะยัก ไม่มีวัคซีนฉีดนั่นเอง
หมายเหตุ *นายสนั่น หิรัญวรชาติ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขาระโนด และคณะกรรมการที่ปรึกษาโรงพยาบาลระโนด
ครั้นถึง พ.ศ.2499 ได้เริ่มสร้างสถานีอนามัยชั้น 1 ขึ้น ณ ที่ดินที่มีผู้อุทิศให้ใกล้กับคลองโภคา ด้วยเงินของทางราชการและเงินสมทบของประชาชน จึงเริ่มมีนายแพทย์ปริญญามาประจำคราวละ 1 คน ถึงกระนั้น ถ้ามีคนป่วยที่มีอาการหนักหรือจำเป็นต้องผ่าตัด ก็ต้องส่งไปยังโรงพยาบาลกลางจังหวัด เพราะที่ระโนดมีนายแพทย์เพียงคนเดียวเครื่องใช้ไม้สอยก็ไม่ครบครันอย่างในกลางจังหวัด จนกระทั่งถึงปี 2518 ถนนสายระโนด-เขาแดง สร้างเสร็จเรียบร้อย การนำคนป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลาหรือหาดใหญ่ก็ไปทางรถยนต์ แต่ก็หาสะดวกไม่ได้มากนัก เพราะติดการข้ามแพขนานยนต์ต้องเสียเวลา บางคราวก็ไปไม่ทันเวลาที่แพขนานยนต์เปิดทำการ ต้องเดินทางกลับหามคนป่วยลงเรือหางยาวข้ามทะเลไปขึ้นอีกฟากหนึ่ง คนป่วยที่มีอาการหนักต้องเสียชีวิตไปบ่อยๆ ซึ่งไม่น่าจะตายถ้าสามารถนำส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที